ตื่นขึ้นมาทำตามรูปแบบค่ะ

Started by nicky, July 17, 2009, 05:53:04 pm

previous topic - next topic
Go Down

nicky

ตั้งใจเริ่มตื่น ตั้งแต่ ตี 5 เพื่อมาเดินจงกรม ปฏิบัติตามรูปแบบ เช้าเย็นค่ะ ::01::

kookkai

อนุโมทนาด้วยค่ะ

ทำแล้วมีผลอย่างไรกับจิตใจ
อย่าลืมมาแบ่งปันความสว่างแถว ๆ นี้ด้วยนะคะ

_/\_ _/\_ _/\_
"รู้ทันกิเลส วันนึงจะพ้นกิเลส" หลวงพ่อปราโมทย์


wanrawee

สาธุๆ _/|\_

ร่วมเป็นกำลังใจค่ะ


sittnn

สองวันผ่านไป เป็นยังไงบ้างครับ
อย่าลืมเล่าประสบการณ์สู่กันฟังบ้างนะครับ  _/\_ ::01:: ::33::
-- เมตตาคือไมตรี --

nicky

 ::115::

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน

                 ตามที่นิคกี้ได้ลั่นวาจาไว้ว่าตั้งใจเดินจงกรม ตอนเช้าและก่อนนอนปรากฏว่า..........สำเร็จค๊า ::12::แตนิคกี้ก็เจออุปสรรคทางใจมากมายค่ะ เรื่องมีอยู่ว่า

                 ปกติตัวเองเป็นคนนอนตื่นสายมาก การตั้งใจตื่นมาตอนตี 5 นี้เป็นเรื่องยากสำหรับตัวเองมาก เพราะลองมาแล้วหลายครั้งและล้มเหลวมาตลอด จนตัวเองไม่มีความมั่นใจในตัวเองเลย จนกลายเป็นคนอ่อนแอ และเริ่มส่งผลกระทบทางเรื่องการงาน และ การภาวนา  จนวันหนึ่งได้ฟังคำของพี่ตุลย์ในรายการตาสว่างว่า การอธิษฐานคือการตั้งใจมั่น ทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ วันนั้นเป็นวันที่นิคกี้ได้ตัดสินใจเลยว่า เราต้องตั้งใจทำอะไรอย่างหนึ่งซึ่งเป็นข้อเสียของเรา เลยตั้งใจจะต้องตื่นแต่เช้า เพื่อสลัดความขึ้เกียจที่ดักดอกมาตั้ง 30 กว่าปีให้เบาบางลงให้ได้ และพอก็ได้รับ e-mail ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าจะทำได้ คืนนั้นก็เริ่มทำตามรูปแบบ เริ่มสวดมนต์ 15 นาทีก่อนเพื่อให้จิตใจตั้งมั่น แล้วก็เริ่มเดิน โอ้โห พอเริ่มเดิน จิตใจเริ่มฟุ้งซ่านเลย ค่ะ ฟุ้งสลับกับใจลอย และก็เพ่ง เดินไปได้ 20 นาที เหมือนเดิน 2 ชม. เริ่มปวดหลังแล้ว แต่ก็เดินพยายามตั้งใจเดิน วันแรกเดินได้ 40 นาทีก็โอเค รู้สึกเป็นการเริ่มต้นที่ดี

                          ตอนเช้าปลุกนาฬิกาปลุกไว้ลองตัว (กลัวไม่ตื่น  ::01::) เครื่องแรกปลก มือไปกดปิด และอีกคเครืองก็ตามมา ก็พยายามกลั้นใจลุก  ก็เดินแบบวงัวเงีย เหมือนคนละเมอเลยค่ะ แต่สักพักมองฟ้าเริ่มเปิดใจเริ่มผ่อนคลาย และ ก็เดินไปเรื่อย ๆ ก็เห้นความฟุ้งซ่าน อีกเหมือนเดิม แต่ตอนเช้าเดินได้ 45 นาที ก็รู้สึกมีกำลังใจ ขึ้นมาเพราะว่าตัวเองทำได้




nicky

ต่อค่ะ

                       พอเข้าวันที่สองก็เริ่ม รู้สึกว่าเรามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบคล้าย ๆ กับว่า ก่อนนอนต้องแปรงฟัน วันที่สอง งานเยอะ รู้สึกเปลี้ยเพลียแรง แต่ต้องกัดฟันขึ้นมาเดิน ก็เดินได้ 45 นาที ก็รู้สึกวัดว่าตัวเองมีความพยายามมากขึ้น เพราะเดินได้มากกว่าเดิมอีก 5 นาที  กว่าจะนอนเกือบ ตีหนึ่ง และต้องตื่นแต่เช้า เพราะต้องไปมนัสการครูบาอาจารย์ที่ป่าละอู ตื่นมา ตี 3 ครึ่ง ไปหาครูบาอาจารย์ กว่าจะกลับบ้าน 3 ทุ่มกว่า แต่เหนื่อยมาก เพราะว่านั่งรถนาน กระปลกกระเปลี้ยและปวดหลังมาก แถมก็เพลียอีกต่างหาก อยากจะนอนใจจะขาด แต่ไม่ได้ค่ะ ตั้งสัจจะไปแล้ว ก็ต้องทำตามรูปแบบ ตอนเดินปวดหลังมาก เหมือนหลังจะหัก และ เราก็ดูอาการปวดและดูใจไปด้วย แต่ก็สลับกับนั่งพักเป็นระยะ ๆ จนครบ 1 ชม. แต่ตอนที่เดินวันนี้เห็นจิตมันดิ้นรน แถมมีโทสะเป็นระยะ ๆ แถมเห็นใจตัวเองมันออเซาะ พักเถอะ ๆ เหนือ่ยแล้ว แต่ด้วยความตั้งใจ ก็ทำจนสำเร็จค๊า พอหัวถึงหมอน นับไม่ถึง สาม หลับสนิทเลยค๊า  ;)

                  ตอนเช้านี้สาหัสเลยค่ะ เพราะเหนื่อยจากเมื่อวาน ตอนแรกปลุกแล้วกะว่าจะไม่ลุก แต่คิดถึงว่าต้องพัฒนาตัวเอง ก็ลุกสปริงเลยค่ะ ออกมาเดิน ตอนแรกเหมือนคนป่วยเลย ร่างกายกระปกกระเปลี้ย แต่แปลกน๊า ใจเรารู้สึกเข้มแข็ง หนักแน่น กว่าที่ผ่านมา แล้วจิตใจก็เริ่มตั้งมั่น แต่ก็มีสลับกับฟุ้งไปบ้าง แต่ภายในใจมันฮึกเหิมมาก วันนี้เดินภาวนา ได้ 1 ชม. เย๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

                นี่แหละค่ะประสบการณ์ของหนู ตอนนี้หนูเริ่มมีความเชื่อมั่นมากแล้วว่าเราทำได้ ฉะนั้นก็เลยอธิษฐานต่อไปอีกค่ะ จะพัฒนาตัวเองตามที่ครูบาอาจารย์เคยได้ทำไว้ ทั้งทางโลก และ ทางธรรม  ค่อย ๆ ก้าวทีละก้าว  แต่จะไม่หยุด จนกว่า ลมหายใจจะหยุดค่ะ


sittnn

อ่านแล้วรู้สึกยินดีและขออนุโมทนาด้วยครับ  _/\_

และก็ต้องขอบคุณสำหรับคำบอกเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาด้วยตนเอง
ประสบการณ์การสร้างความเชื่อมั่นของตนเองนั้นสำคัญและเป็นประโยชน์มาก ทั้งทางโลกและทางธรรม
สามารถเหนี่ยวนำให้เราทำในสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับตนเองและผู้อื่นได้

ขอเป็นกำลังใจให้ดำเนินสู่เป้าหมายตามความตั้งใจต่อไปนะครับ
และก็หวังว่า เพื่อนๆที่ได้อ่านความเห็นที่นี่แล้ว
คงได้รับกำลังใจในการเดินทางของแต่ละคนไป ไม่มากก็น้อยด้วยครับ _/\_ ::01:: ::33::
-- เมตตาคือไมตรี --

Go Up