กิจกรรมพิเศษ

Started by Lite, June 02, 2010, 07:59:55 pm

previous topic - next topic
Go Down

Lite

June 02, 2010, 07:59:55 pm Last Edit: June 03, 2010, 10:48:21 am by sittnn
ประชาสัมพันธ์กิจกรรมพิเศษ "ว่ายทวนกระแสกิเลสกับ dlitemag"

ด้วยอำนาจของกฎแห่งกรรม
เหตุการณ์ต่างๆที่เราแต่ละคนได้ประสบพบเจอในปัจจุบัน
ล้วนเกิดจากเหตุที่เราได้ทำมาแล้วในอดีตทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีก็ตามนะคะ :-)


แต่เมื่อได้เจอเหตุการณ์หนึ่งๆแล้ว
การตัดสินใจเลือกที่จะอะไรต่อเหตุการณ์นั้น
เป็นกรรมที่เราได้เลือกได้ในปัจจุบัน
ซึ่งแน่นอนว่า ในอนาคตเราก็จะได้รับผลของกรรมนั้นเช่นกัน
ทั้งในส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดีค่ะ


สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ได้นิพนธ์ความตอนหนึ่งใน "แสงส่องใจ" ว่า
"ทุกคนชอบบุญ ทุกคนไม่ชอบบาป
แต่ปัจจุบันก็น้อยคนนักที่ปฏิเสธคำยั่วยุต่างๆ นานาของบาป หรือของกรรมนั่นเอง
มีน้อยคนนักที่เข้มแข็งปฏิเสธคำยั่วยุของบาปกรรมได้สำเร็จ
การทำบาปทำไม่ดีจึงไม่เบาบางจากโลก ทั้งยิ่งวันก็ยิ่งมากขึ้นทุกที"



เพราะด้วยธรรมชาติของจิตที่ไหลลงสู่ที่ต่ำเหมือนกระแสน้ำ
ถ้าคนเราไม่ออกแรงว่ายทวนน้ำต้านไป
ก็มักจะถูกสายน้ำพัดพาไปสู่ที่ต่ำด้วยเหตุการณ์ต่างๆเสมอๆ
ซึ่งแน่นอนว่า ผลที่ได้รับจากกรรมที่ได้ทำไปนั้นก็ย่อมออกมาไม่ดี
ทำให้ประสบทุกข์ภัยไม่มากก็น้อยค่ะ :-(


นิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับ Lite อยากเห็นสังคมไทยมีสุข ^___^
จึงขอจัดกิจกรรม "ว่ายทวนกระแสกิเลสกับ dlitemag" ขึ้น
โดยท่านผู้อ่านสามารถร่วมกิจกรรมด้วยการตอบคำถามสองข้อง่ายๆดังนี้ค่ะ : )))))


๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด

๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส


เมื่อทราบคำตอบของตัวท่านเองแล้ว ^___^/
เชิญร่วม ส่งคำตอบ (http://www.dlitemag.com/forum/index.php?action=post;topic=845.0;num_replies=0) ได้ในกระทู้กิจกรรมพิเศษนี้เลยค่ะ ^___^
ทางนิตยสารธรรมะใกล้ตัวฉบับ lite มีรางวัลสำหรับผู้โชคดี
ที่ส่งคำตอบมาร่วมสร้างสรรค์ตนเองและสังคมก่อนวันศุกร์ที่ ๑๑ มิถุนายนนี้ด้วยค่ะ :-D


มาร่วมกันออกแรงต้านกระแสคลื่นแห่งความมืดดำ
เพื่อให้ตนเอง ครอบครัว และสังคมไทยของเราสว่างไสวไปด้วยกันนะคะ ^___^v

อิกคิว

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด


ตอบ ในปัจจุบันนี้การรับข้อมูลทางสื่อของเหตุการณ์ทางการเมือง  ไม่ว่าจะเป็นสื่อทางทีวี
หนังสือพิมพ์ สื่อทางอินเตอร์เน็ต ทำให้จิตใจชอบหรือชังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปโดยอัตโนมัติ

๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส


1.สิ่งแรกก็คือการไม่ปักใจเชื่อทันที  ค่อยๆฟังข้อมูลประกอบกันหลายๆด้าน

2. ตั้งสติไว้ดีๆถึงแม้จะมีข้อมูลที่สนับสนุนเพียงใดก็จะไม่พยายามโกรธตามข้อมูลนั้น 
แต่จะมองให้ลึกลงไปอีกทีว่าที่เขาทำอย่างนั้นเพราะว่าเขามีพื้นฐานอย่างไร  มีที่มาที่ไป
ของปัญหาอย่างไรเขามีกิเลส มีความโลภ  โกรธ  หลงแบบไหน จูงใจให้ทำ  เราทำตัว
เหมือนพนักงานสืบสวนแต่เราไม่ทำตัวเป็นศาลวินิจฉัยใคร   

3.หน้าที่ของชาวพุทธคือการเรียนรู้โลกตามที่เป็นจริง  และปฏิบัติไปให้สอดคล้องกับความ
เป็นจริงให้มากที่สุด 

4.มีความเมตตาพร้อมจะให้ความเห็นใจ  พร้อมจะให้อภัยทุกๆคน ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์
เกิด แก่ เจ็บตายด้วยกันทั้งนั้น

5.ไม่ย่อหย่อนในการภาวนาพยายามรักษาจิตใจตัวเองไว้ให้ดีที่สุดในทุกๆเหตุการณ์   ถ้ามีความ
ฟุ้งซ่านมีความวิตกกังวลก็ดูลงไปเลยในจิต(จะเห็นชัดขณะภาวนา)ว่าความทุกข์นั้นเป็นแค่ความคิดที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปเท่านั้นเอง  ถ้ายังกังวลอยู่ก็จะกลับมาอีก   เกิดขึ้นมาแล้วก็ดับไปสลับๆกัน เมื่อไม่ยึดในความคิดนั้นความทุกข์ก็จะน้อยลงไปด้วย

ตอบตามที่ตัวเองเข้าใจน่ะครับ  ::01::



ทุกข์เป็นเหตุให้เกิดศรัทธา.... ศรัทธาเป็นเหตุให้เกิดความปีติปราโมทย์.... ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความสุข.... และความสุขเป็นเหตุ.... ให้จิตเข้าถึงความสงบได้

dujrudee

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด

ตอบ ความขี้เกียจ (ย่อหย่อนต่อการเดินจงกรม สวดมนตร์ ทำในรูปแบบ) กิเลสทำให้หาข้ออ้างว่าวันนี้เหนื่อยมากแล้ว เดินทั้งวัน เมื่อยขามาก หรือไม่ก็ไม่สบายเป็นไข้หวัดเล็กน้อย กลับถึงบ้านดึกมากแล้วต้องรีบนอนเพื่อตื่นไปทำงานแต่เช้า มีข้ออ้างมาอีกมากมายสารพัดค่ะ

๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส

ตอบ 6 เดือนที่ผ่านมาตั้งใจแน่วแน่ ใช้อธิษฐานบารมี ปฏิญาณว่าจะเดินจงกรมอย่างน้อยวันละ20นาทีทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ทำหรือทำน้อยกว่า20นาที ก็จะต้องเสียค่าปรับเป็นเงิน200บาท ให้แก่เพื่อนสนิท ซึ่งตอนแรกเขาบอกว่าจะเก็บเอาไว้ไปทำบุญ แต่เราคิดว่าไม่ได้ เพราะใจตัวเราชอบทำบุญอยู่แล้ว เดี๋ยวจะมีข้ออ้างต่อกิเลสอีกว่า ไม่เป็นไร วันนี้ทำบุญ200บาทแทนการเดินจงกรมก็ดีเหมือนกัน
จึงบอกให้เค้าว่าเอาไปใช้ส่วนตัว จะกินข้าว ซื้อของ เติมน้ำมันรถ ฯลฯ ใช้ไปเลยไม่ต้องบอกว่าเอาไปทำอะไร
แต่เค้าจะไม่เตือนเรา ถามเราบ่อยนักว่าวันนี้ทำหรือเปล่า เราต้องมีสัจจะกับตัวเองด้วยว่าวันนี้ทำตามรูปแบบหรอยัง วันไหนไม่ทำก็จดจำไว้ เจอกันก็เอาเงินให้เค้า ช่วงแรกๆมีต้องจ่ายบ้าง แต่เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีแล้วค่ะ  นานๆมากจะมีสักครั้งนึง


paryboeing

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ม๊อบเสื้อแดงจะจบลงแล้วแต่กระแสว่าใครผิดกันแน่ยังวนเวียนๆอยู่เลย ที่บ้านจะอยู่ฝ่ายแดงหมด มีเราคนเดียวในบ้านที่ไม่เอาฝ่าย ทุกๆวันเราต้องนั่งฟังความเห็นของคนในครอบครัวคุยกันถึงเหตุการณ์ยิงผู้บริสุทธ์หรือใครกันแน่ที่เป็นคนวางเพลิงตามที่ต่างๆ อย่างใส่อารมณ์ นอกจากจะคุยกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวแล้ว ก็ยังมีการต่อโทรศัพท์หาข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ก็เปิดหรืออ่านเอาจากสื่อ ในแต่ละวันเราก็จะได้ยินการวิพากวิจารณ์แต่เรื่องซ้ำๆเดิมๆ เราจะออกความเห็นที่เค้าไม่อยากได้ยินก็ไม่ได้ พยายามพูดให้เค้ามองเป็นมุมกว้างๆ เปิดใจให้เป็นกลางก๊ไม่ได้ พาลทะเลาะกันง่ายๆ มันเป็นสภาพที่อึดอัดเอามากๆ หลายๆครั้งก็รู้สึกโกธรที่ทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้นได้ ทำไมดูกันไม่ออกเลยหรือไง ในใจก็อยากให้เค้าเปลี่ยนมุมมอง ใจเค้าจะได้สงบไม่อินไปกับข้อมูลที่ได้มา แต่ดูเหมือนมันยากมากที่จะเป็นไปได้ ยิ่งเราอยากจะเปลี่ยนเค้ามากเท่าไหร่โอกาศที่จะกระทบกระทั่งกันก็มากขึ้นเท่านั้น

๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส

หลักธรรมที่ใช้อยู่ตอนนี้คือวางเฉยค่ะ เราเปลี่ยนเค้าไม่ได้ ก็เลยต้องเปลี่ยนตัวเราเอง ทุกอย่างต้องอยู่ใต้กฏไตรลักษ์ เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงปรากฏ เค้าอาจจะเปลี่ยนความคิดใหม่ก็ได้ แต่ถ้าความจริงปรากฏในแบบที่เราเองก็ไม่คาดคิด เราเองก็คงต้องเปลี่ยนความคิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นนอกจากจะวางเฉยแล้วก็ต้องอยู่กับปัจจุบันด้วยเหมือนกันค่ะ คือถ้าวันนี้ทะเลาะกัน พรุ่งนี้คือวันใหม่ไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกันต่อ ตอนนี้ทำใจได้ดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ เพราะใช้ธรรมะอีกข้อค่ะ คือให้อภัย ไม่ถือว่าเมื่อวานทะเลาะกันแล้ววันนี้ต้องมาต่อยอด ผ่านแล้วผ่านไป ทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานดีกว่าค่ะ


ipad

1.เรื่องใกล้ตัวเวลานี้ที่ทำให้คิด พูด ทำ ในทางที่ไม่ดีได้มากที่สุด  คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้  การกล่าว การเขียนโต้ตอบกันในแต่ละฝ่าย  การอ่านเรื่องราว สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทางสื่ออินเทอร์เน็ต  การฟังข่าวทางสื่อโทรทัศน์ เห็นเลยว่าจิตแกว่งไกวไว กระทบแล้วกระเทือน บางครั้งก็เบา บางครั้งก็แรง

2. วิธีแก้ไข คือ ใช้สติ อย่างเดียวเท่านั้น  และก็พบว่า ด้วยสติเพียงอย่างเดียว คิด พูด ทำ ที่กำลังจะขยายไปสู่ทางต่ำก็หยุดได้ทันที หรือเกือบจะในทันที  ได้คิดไตร่ตรองมากขึ้น จิตกระเพื่อมไหวน้อยลง  เย็นลง  สงบขึ้นโดยง่าย  ไม่มักโกรธ  แม้เศร้าก็กลับมาในไม่นาน   ได้พบว่า กับการเผชิญสถานการณ์ครั้งนี้ ใจกระวนกระวายน้อยลงกว่าเหตุการณ์ใหญ่ๆเมื่อเกือบ 20 ปีก่อนมากมาย  ทุกข์ยังมี  แต่ก็กลับมาเป็นกลางหรืออย่างน้อยก็สงบเบาบางลงได้เร็วและมากขึ้น  ทั้งหมด เพราะ สติ ตัวเดียวเท่านั้นเออง

fiftyfif

เหตุการณ์ใกล้ตัว

เรื่องใกล้ตัวมากๆ ก็คงเป็นเรื่องราวในที่ทำงาน ที่ห่ำหั่นกันไม่แพ้การเมืองระดับประเทศ เลยคะ เห็นความไม่เป็นธรรมในสิ่งที่ผู้ใหญ่กระทำเพื่อพวกพ้อง พรรคพวก สำหรับผู้น้อย คงทำได้เพียงการวิพาก วิจารณ์ ให้เกิดโทสะ มันในอารมณ์เท่านั้น นำไปสู่จิตใจที่ขุ่นมัว สะสมในแต่วัน แต่ละขณะ คิดดี บ้าง ไม่ดีบ้าง สลับกัน วันไหนวางได้ ก็ปล่อยไม่ไปคิด วันไหนวางไม่ได้ ก็เครียด ชิงชัง


วิธีแก้ไข(ผ่อนคลาย)

นิ่ง วางเฉยก่อน หาฟังธรรมเพื่อหาหลักยึดให้ใจได้บ้าง เพราะการฟังข่าวสาร ข้อเท็จจริง ต้องมีหลักยึดไว้ เพื่อวิเคราะห์พิจารณา บางครั้งก็ไปวัด คบหากัลยาณมิตร ปรึกษาครู บาอาจารย์ ขอคำเตือนสติ ได้บ้าง ฝึกมีสติรู้ตัว ไปเท่าที่ทันนึกได้ หาโอกาสไปพักผ่อนปฏิบัติธรรมบ้าง พร้อมๆ ไปกับการมองหันกลับมาในตัว และพัฒนาสิ่งที่เรามีอยู่ ค้นหาความถนัด ที่จะพัฒนาเป็นอาชีพได้ หาความรู้เพิ่มเติม ออกไปหาสังคมใหม่ ๆ พร้อมๆกับการหาช่องทางประกอบอาชีพพึ่งพาตนเอง

แดง


     เร็วๆนี้หลังจากได้รับวิบากต่อเนื่องกันเกือบเดือน  ทั้งท้อแท้หดหู่รู้สึกสิ้นหวังกับบางเรื่อง ได้กลับมาทบทวนตัวเอง ในเวลาที่เหมือนว่าวิริยะ สติ สมาธิ และปัญญาไม่มีเหลืออยู่ให้เป็นที่พึ่งที่หวังได้แล้ว กลับพบว่ายังเหลือศรัทธาอยู่อย่างเดียวที่ยังมีอย่างมั่นคง  คือศรัทธาที่เชื่อมั่นในปํญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า  แล้วจึงมีสติอย่างโลกๆกลับมาพิจารณาพบว่า  ภาวะตอนที่จิตตื่นขึ้นรู้ตื่นเบิกบานอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรกนั้น  เป็นสิ่งซึ่งเกิดขึ้นได้จริงๆ  การได้เห็นสภาวะเกิดดับนั้นเกิดขึ้นจริงๆไม่ได้คิดๆเอา  สภาวะธรรมต่างๆที่พบระหว่างการหัดภาวนานั้นก็เกิดจริงๆ  ถึงแม้ยังไม่ได้ละกิเลสและยังมีกิเลสท่วมหัวอยู่ก็ตาม  การที่เกิดมาในช่วงที่มีพระพุทธศาสนาและมีครูบาอาจารย์ที่ประเสริฐที่สุดอย่างหลวงพ่อปราโมทย์นั้นอาจจะเป็นโอกาสที่ไม่ได้พบได้บ่อยๆ  ถ้าทิ้งไปเสียไม่ภาวนาคงโง่มาก   ถ้าปล่อยให้กิเลสหลอกไปอย่างนี้ก็ต้องจมทุกข์ไปทุกชาติ  จึงได้ค่อยๆกลับมาภาวนาต่อได้  และได้โอกาสทบทวนความอ่อนหัดของตัวเอง  ก็จะพยายามปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยจนกว่าจะไม่มีตัวตนให้ยึดให้เกาะอีกต่อไปค่ะ _/\_
                                                                   แดง


pimksk

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด

ตอบ การรับรู้ข่าวสารต่าง ๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์  เวบ  ไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมือง  บันเทิง  ซึ่งต้องยอมรับว่าสื่อเดี๋ยวนี้มีมากมาย  เข้าถึงได้ง่าย  ชักจูงได้ง่าย  ทำให้เมื่อเสพข่าวโดยปล่อยใจ  ปล่อยอารมณืไปตามกระแสชักนำ  จะเกิดความรู้สึกต่าง ๆ คล้อยตามไป  ไม่ว่าจะเป็นโกรธ  เกลียด  ชอบ  หรือแม้แต่บางทีอยากมีส่วนร่วมโต้ตอบในการใช้ถ้อยคำแห่งความชอบหรือชิงชังนั้น ๆ

๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตน เองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส

ตอบ พยายามใช้สติ  และยึดหลักการรับข้อมูลข่าวสารหลายด้าน  ด้วยใจที่เป็นกลางมากที่สุด  คำนึงถึงเหตุและผล  เอาใจเขามาใส่ใจเรา  ไม่เลือกสีเลือกข้างเำพียงเพราะกระแสชักนำ  แต่ยึดที่ความเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน  เท่าเทียมกันในที่นี้ก็คือ  ท้ายที่สุดแล้ว  มนุษย์ทุกคน  รวมทั้งตัวเรา  ล้วนเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนร่วมทุกข์อันเดียวกันทั้งสิ้น  คือทุกข์แห่งการเกิด  แก่  เจ็บ  และตาย  การหลงไปในความโกรธ  เกลียด  ชิงชังกันจึงเป็นสิ่งที่ไร้สาระไปโดยพลัน  คิดแบบนี้จึงทำให้ใจสงบเย็นลงด้วยความรู้สึกเมตตา  ไม่พลุ่งพล่านอีกต่อไปค่ะ



Glasses

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด


คำพูดที่ไม่ดีของพ่อแม่ค่ะ 

จริงๆแล้วถ้ายึดหลักถือศีลไว้ได้ก็คงหมดเรื่อง  แต่ปัญหาคือศีลที่เราตั้งใจท่องย้ำกับตัวเองทุกวันนั้นเอาไม่อยู่  ยิ่งตอนคำพูดไม่ดีนั้นเข้ามาหาเราตอนที่กำลังเหนื่อยๆล่ะก็  เราต้องได้ทำตาขวางเหมือนลาบลาดอร์  ไม่ก็กระแทกเท้าปังๆเดินจากไป  แต่ถ้าเดินหนีไม่ได้ ก็เข้าโหมดนางกระทิง  ยืนพ่นลมออกจมูก  แล้วก็กระแทกเสียงเถียงกลับอยู่ตรงนั้นเอง


๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส



ใช้หลักดูความไม่เที่ยงของความโกรธค่ะ  เพราะสังเกตมานานแล้วว่าความโกรธนั้นตั้งอยู่ได้ไม่นานจริงๆ  เช่น  เราโกรธแม่มาก  โกรธขนาดตั้งใจไว้ว่าเราจะต้องทำหน้าลาบลาดอร์เช่นนี้ไปอีกพักใหญ่  เพื่อให้แม่ได้รู้ว่าเราโกรธแค่ไหน  ขนาดตั้งใจไว้จริงจังนะคะ  เผลอแป๊บเดียว  ยังไม่ทันข้ามวันเลย  ก็หายโกรธแล้ว  และถึงจะมีความขุ่นใจค้างคาอยู่  ไม่ได้หายสนิทขนาดเข้าไปยิ้มกับแม่ได้เลยทันที  แต่ก็เห็นกับตาว่าความโกรธนั้นมีดีกรีไม่เท่าเดิม และเพียงผ่านไปวันเดียวความโกรธนั้นก็หายสนิท  แทบไม่มีหลงค้างอยู่อีกเลย  แม้คำพูดของแม่นั้นเราจะเห็นว่าเลวร้ายสักแค่ไหนก็ตาม

เวลาที่เราเห็นกับตัวเองว่าความโกรธนั้นลดลงแล้ว  เราจะมีแก่ใจนึกถึงคำสอนของครูบาอาจารย์  ตรงนี้สำคัญค่ะ  เราต้องมีท่องประจำใจไว้  เอาไว้เป็นไม้ตายเวลาโกรธจัด  โดยส่วนตัวชอบโอวาทธรรมของหลวงปู่มั่นค่ะ  ใช้ได้ผลเวลาโกรธกับพ่อแม่

"ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล
คือ ลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้
แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดู
จากพ่อ-แม่มาเป็นอย่างดีเหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม
เขาก็มองไม่เห็นคุณของพ่อ-แม่
ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง
แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขา
ที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น"

บุญคุณของพ่อแม่เหมือนภาพเลือนๆที่เราไม่ใส่ใจจะจำ  ไม่ได้รู้เลยว่าแค่มีภาพพ่อแม่อุ้มเราตอนเด็กๆมาทวนความจำให้สักภาพ  ต่อให้โกรธกันแค่ไหน  เราก็แทบอยากกลับไปขอโทษเดี๋ยวนั้นแล้ว   

_/\_





bketluckb

1. เมื่อเหตุการณ์ยั่วยุกิเลสรอบตัว(การเมือง)ได้ผ่านไปแล้ว เหตุการณ์ยั่วกิเลสใกล้ตัวก็กลับมามีบทบาทอย่างเต็มที่ ...เรายังต้องพบเจอคนที่ทำให้เราเจ็บช้ำที่สุด เคียดแค้นอาฆาตพยาบาทมาก ยิ่งเห็นเขามีความสุขเรายิ่งคับแค้นใจ

2. เราใช้หลักธรรมหลายทางเป็นเวลาเกือบปีแล้ว ทั้งอ่านหนังสือธรรมะ ฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ อ่านหนังสือของคุณดังตฤณ ส่งการบ้านกับอ.สุรวัฒน์ ทำบุญทำทานเข้าวัดเข้าวาตามโอกาสฯลฯ แต่หัวใจหลักของหลักธรรมที่สอนตัวเอง เห็นจะมีอยู่สองเรื่องหลักๆ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่กระทบใจเรา เรานิ่งแล้วบอกตัวเองว่า "มันคงเป็นกรรมของเรา" ใช้ได้ดีเวลาใจเรามีเพลิงพยาบาทสูง และอีกเรื่องคือ เราคิดว่า เราทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสเป็นปี  มันคงคุ้มค่าที่สุดในชีวิต ที่เราได้ศึกษาธรรมะ ไม่หลงโลกเหมือนที่ผ่านมา เพราะหากไม่มีทุกข์แทบล้มประดาตาย เราคงอยากอยู่ในสังสารวัฏนี้เรื่อยไป

เมื่อเริ่มต้นจะทำสิ่งที่ดี หัวใจหลักอีกข้อหนึ่งที่สำคัญก็คือ "การมีวินัยกับตนเอง" แม้ว่าการภาวนารู้สึกกายใจนั้น เราเห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากยิ่ง แต่ก็ยังใช้ความพยายามอยู่ แต่ยอมรับตามตรงว่า "ขี้เกียจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อทุกข์น้อยลง" แต่ก็คิดทำสิ่งที่ดีเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ต้นปี ก็ตั้งใจว่า
1.จะเป็นหลักในการรวบรวมเงินทำบุญพิมพ์หนังสือธรรมะแจกเป็นธรรมทานปีละครั้ง
2. นั่งสมาธิทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
3. สวดมนต์ทุกวันก่อนนอน (หลายบทด้วย)
4. รักษาศีลข้อ 5 อย่างบริสุทธิ์ตลอดชีวิต
5. ภาวนาทุกวัน มากบ้างน้อยมาก (ตั้งนาฬิกาเตือนด้วย)
_/|\_

nicha

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด

ตอบ ความหลงค่ะ เพราะถ้าหลงก็จะหลงไปตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พอหลงก็เกิดมีอัตตาขึ้นเมื่อมันโดนกระทบก็เกิด โลภะ โทสะ โมหะ พอรู้ตัวอีกทีเผลอไปแล้ว น่ะค่ะ

๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส
ตอบ ตั้งตนอยู่ใน ศีล ทาน สมาธิ และฝึกการเจริญสติปัฐาน 4 มีความเพียรแต่ไม่เพ่งและไม่เนิ่นช้า และรู้ทันว่าอะไรเกิดขึ้นในปัจจุบัน เพราะสิ่งต่างๆ ย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ไม่เที่ยง และจะประพฤติตนในความไม่ประมาท ในการดำเนินชีวิตต่อไปค่ะ


dang1304@yahoo.com

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบันที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด
           ทุกเหตุการณ์ในปัจจุบันมีอำนาจยั่วยุให้คิด พูด ทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจได้ทั้งสิ้น อันสืบเนื่องมาจาก อัตตา นั้นเอง การถืออัตตาว่าตัวเองคิด พูด และทำถูกแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว ความจริงเมื่อได้กลับมาพิจารณาไตร่ตรองโดยใช้สติปํญญา ตามเหตุปัจจัย โดยเอาอัตตาออกไป จะรู้ว่า เราไม่ได้คิด พูดหรือทำถูกเสมอไป เรายังคิด พูด ทำตามอำนาจกิเลสอยู่โดยความยึดมั่น ถือมั่นนั้นเอง
๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้นเพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส
         วิธีการหรือหลักธรรมที่จะจัดการกับเหตุการณ์เพื่อไม่ให้ตัวเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลสคือ การมีสติ ไตร่ตรองก่อนคิด พูด และทำในแต่ละครั้ง ด้วยหลักกรรมค่ะ กรรมคือการกระทำ มีศรัทธาในความดี เชื่อว่าทำดีได้ดี ฉะนั้นการคิด พูดและทำการใด ย่อมมีผลตามนั้น โดยพยายามลดอัตตาตัวเองให้ได้มากที่สุดและที่สำคัญพยายามอภัยให้ได้เวลามีอะไรไม่พอใจมากระทบจะได้ไม่ตกอยู่ในอำนาจกิเลสทั้งหลาย ทั้งหมดนี้พยายามปฏิบัติอยู่ให้ได้ตลอดเวลา ::33::

         

benjaporn911

๑) เหตุการณ์ใกล้ตัวใดในปัจจุบัน
ที่มีอำนาจยั่วยุให้ท่านคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดี ตามอำนาจของกิเลสในจิตใจมากที่สุด

เวลามีคนพูดอะไรที่ไม่เป็นไปตามใจเรา หรือไม่เห็นด้วยกับคำพูดหรือผู้พูดนั้น ก็มักจะทำให้เผลอลืมตัว โต้ตอบกลับไปแบบขาดสติ..เป็นบ่อยครั้ง...พูดเสร็จค่อยสำนึกเสียใจ (ส่วนมากมักเป็นคนใกล้ตัวที่สุด..คือคุณพ่อคุณแม่...บาปจัง)

๒) ท่านมีวิธีการหรือหลักธรรมใดที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้น
เพื่อไม่ให้ตนเองคิด พูด หรือทำในสิ่งที่ไม่ดีตามกระแสธารแห่งกิเลส

พยายามเจริญสติ โดยการรู้สึกตัว แม้ว่าจะสายไปแล้วบ้างก็ตาม ก็พยายามตั้งใจจะลด ละ และเลิกให้ได้ในที่สุด ถ้าช่วงไหนที่หงุดหงิดง่าย ก็จะพยายามหาเวลาปลีกวิเวก ไปอยู่กับตัวเอง ทำให้เห็นโทษของความคิดและการขาดสติค่ะ

ON

1. ปัญหาในที่ทำงานค่ะ ความไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน กระตุ้นให้รู้สึกแย่ๆกับหัวหน้างาน เวลาต้องร่วมประชุมกันทีไร ต้องรู้สึกโกรธ กดดันทุกครั้ง

2. พยายามแก้ด้วยการตั้งสติให้มั่น หัดดูความโกรธ
พยายามใช้ห้องประชุมเป็นแบบฝึกหัด แม้จะไม่ค่อยทัน (แต่สามารถเดาได้ล่วงหน้าเลยว่า จะประชุมแต่ละครั้งต้องได้โกรธแน่ๆ)

มนัส

ตอบโจทย์ข้อ1.คือผัสสะที่เข้ามาทางทวารทั้ง6ครับ ตา หู จมูก ลิ้น  กาย ใจ ไม่ว่าจากสื่อ ทั่วไป และเพื่อนร่วมงานวงวารเครือข่าย
ตอบโจทย์ข้อ2.เกียวกับวิธีการหลักการที่จะจัดการกับเหตุการณ์นั้นๆ
                  ผมขอพึ่งพระรัตนตรัยครับ ผมจะระลึกถึงความรักความเมตตาปราถนาดีของพระพุทธเจ้าด้วยความน้อบน้อมประดุจเรานั้นเป็นลูกศิษย์ท่าน เราจะมีหิริ โอตัปปะขึ้นมาในจิตทันที
จากนั้นน้อมจิตเลือกเฟ้นพระธรรมคำสอนที่เราเข้าใจเข้าใจเช่นพุทธพจน์สักคำหนึ่ง เช่นพึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธเป็นต้นจากนั้นจิตของเราจะมีปีติ  เปิดรับธรรมที่จะเข้ามาเสริมทัพอีกมากมาย เราจะระลึกถึงคำพูดคำสอนของพระอริยะสงฆ์ที่เราเคยอ่านเคยฟังมาแม้แต่คำสอนของพระอรหันต์ในบ้านของเราก้อจะเข้ามาในจิตใจเราทำให้จิตมีกำลังสมาธิ ตามด้วยสติ เป็นเกรอะป้องกัน  ความทุกข์
ก้อกระเด็นออกไป  พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันประเสริฐจริงๆครับ

                          กิเลสมาร          อันตพาล               นั้นจรมา
                 มันไล่ล่า                  เล่นงาน                 ยามทีเผลอ
               หากขาดสติ               อารักษ์ขา                เป็นต้องเจอ
           เพื่อนๆ เธอ                    ชื่อว่าทุกข์                ทรมาน
           เที่ยววิ่งพล่าน                  อยู่กลางลาน          กายและใจ
          แล้วเล่นไฟ                     ราคะ  โทสะ            โมหะผลาน
          ใจกายไหม้                   กลายสภาพ                ไปไม่นาน
         ตัวรู้ตื่น                          เบิกบาน                    ก็หายไป
        โชคยังดี                     มีพระศรีรัตนะ               เป็นที่พึ่ง
     ได้ฉุดดึง                       ตัวรู้ตื่นเบิกบาน               นั้นมาใหม่
      ให้ได้รู้ความจริง              สิ่งที่เห็น                      อย่างเข้าใจ
        ว่าไม่มีอะไร                 ของมันเป็น                  เช่นนั้นเอง

                                                       (นักศึกษาฝึกงานด้านธรรม)


                     

Go Up