ปกติเป็นคนปากไวครับ พูดจาเรียกได้ว่าไม่ไว้หน้าใครเลย บางทีไม่ได้คิดอะไรแต่คําพูดก็ไปทําร้ายคนอื่นแล้ว ก็จะพยายามมีสติคอยระวังคําพูดใน 2 วันนี้ให้มากสุดเท่าที่จะทําได้ครับ ไม่ให้พูดเพ้อเจ้อด้วยครับ
อนุโมทนาด้วยนะคะ
แอบเอาบท บอกอ ของพี่กลางชลมาฝากไว้เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ
________________________________________________
ในการการพูดตรง เรายังมี "ทางเลือก" ในการสรรหาคำพูด และวิธีพูดอีกมากมาย
และก็ไม่ได้แปลว่าต้อง ครับผม คะขา โอ้โลม พูดจาภาษาดอกไม้กันเสมอไปนะคะ
แต่ยังมีกลวิธีและคำพูดอีกมากมาย ที่สะกิดใจกันได้ โดยไม่ฝากรอยร้าวให้แก่กัน
สังคมไทยเรา อย่างไรก็เป็นสังคมถ้อยทีถ้อยอาศัยนะคะ ถนอมน้ำใจกันไว้
คิดถึงใจเขาใจเรา เราไม่อยากได้ยินคำพูดแบบใด ก็งดการใช้คำพูดแบบนั้นกับคนอื่น
ขยายขอบข่ายของความรู้สึกเรา สวมหัวใจ นึกถึงความรู้สึกของคนรอบข้างอีกสักนิด
เคยได้ยินกับตัวเองนะคะ คำพูดที่เจือการกดข่มผู้ฟังอยู่เป็นนัย ๆ อย่างเช่น
"ขอโทษนะ พูดตรง ๆ จบปริญญาโทมา ไม่น่าถามคำถามแบบนี้
ระดับการศึกษาน่าจะช่วยให้คนคิดได้ ไม่ได้ดูถูก แต่ฟังแล้วรู้สึกเป็นห่วงชาติจริง ๆ"
"ถ้ามองความหวังดีของชั้นไม่ออกก็ตามสบาย จะพัฒนาตัวเองก็น่าจะต้องรับคำวิจารณ์ได้
เสียเวลาเอาเวลาอันมีค่ามาแนะนำให้คนไม่เห็นคุณค่า เซ็ง..."
ถ้าสวมวิญญาณคนฟัง ก็คงพอเดากันได้นะคะว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร
คำหลายคำ พูดออกไปแล้วอาจไม่ได้มีประโยชน์ต่อการติเพื่อก่อแต่อย่างใดเลย
และเพราะคำพูดนั้นเป็นสิ่งที่ปรุงออกมาจากจิต
หากเราหมั่นตั้งต้นที่พื้นฐานของ "ความเมตตา" ต่อผู้อื่นอยู่เสมอ ๆ แล้ว
เราก็จะค่อย ๆ ฉลาดในการค้นพบวิธีพูดและคำพูดที่สร้างสรรค์ได้เองค่ะ : )
แม้พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ตรัสสอนถึงวิธีการใช้วาจาไว้ใน อภัยราชกุมารสูตร
ซึ่งนับเป็นหลักการพูดชั้นยอดเลยทีเดียวนะคะ มีใจความโดยสรุป ดังนี้ค่ะ
๑. วาจาใดไม่จริง ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
พระพุทธองค์ไม่ตรัสวาจานั้น
๒. วาจาใดจริง แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ และไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
พระพุทธองค์ไม่ตรัสวาจานั้น
๓. วาจาใดจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ แต่ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
พระพุทธองค์ย่อมรู้จักกาลอันควรหรือไม่ควรที่จะตรัสวาจานั้น
๔. วาจาใดไม่จริง ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
พระพุทธองค์ไม่ตรัสวาจานั้น
๕. วาจาใดจริงแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ แต่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
พระพุทธองค์ไม่ตรัสวาจานั้น
๖. วาจาใดจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
พระพุทธองค์ย่อมรู้จักกาลอันควรหรือไม่ควรที่จะตรัสวาจานั้น
สังเกตไหมคะว่า ท่านจะเลือกกล่าวก็เฉพาะวาจาที่ จริง และมีประโยชน์ เท่านั้นเป็นพื้น
แต่แม้จะจริงแล้ว มีประโยชน์แล้ว บางอย่างก็อาจถูกใจผู้ฟัง บางอย่างผู้ฟังก็อาจไม่ชอบใจ
แต่หากมีเหตุอันควรให้พูด พระพุทธองค์ท่านก็ยังให้ รู้จักเลือกพูดในกาลอันเหมาะสม
บางคนอาจนึกโอดโอย โห... ก็พูดก็เม้าท์กันทั้งวันอย่างนี้ ใครจะไปทันตรองทุกคำที่พูดได้เล่า
แม้จะไม่ถึงกับต้องคาดหวังว่าเราจะคิด ๆ ๆ ก่อนพูด ๆ ๆ ได้ทุกคำ
แต่อุปกรณ์ที่จะช่วยเราได้ดีที่สุด และบ่อยที่สุดชิ้นหนึ่ง ก็คือ "สติ" นี่ล่ะค่ะ
สติ หรือความระลึกได้ ที่เกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
จะช่วยให้เรารู้ทันความเคลื่อนไหวในจิตใจของเราเอง
ถ้าดักอีโก้ ดักโทสะ ดักความหลง ดักคำพูดร้าย ๆ นั้นได้ตั้งแต่เพิ่งก่อร่างสร้างตัวอยู่ในใจ
คำพูดที่เราจะ "เลือก" พูดออกไป ก็ย่อมมีโอกาสเป็นไปในทางสร้างสรรค์กว่ากันแน่นอน
"น้ำผึ้งหวาน ๆ เอามาใช้ปรุงทานกันให้ชื่นใจดีกว่านะคะ
อย่าเอาไปใช้อาบมีดโกนกรีดกันเลย : )"
ขออนุโมทนากับ ๒ วันแรกในการสร้างวจีสุจริตของคุณgyroscope27 ด้วยนะคะ ::115::
ขอบคุณพี่ kookkai มากสําหรับบทความ อ่านแล้วได้หลักมาปฏิบัติเลยครับ
ขอบคุณพี่ aims สําหรับกําลังใจครับ
มารายงานผลวันแรกครับ แบงก์ไม่รู้ว่าวันเข้าพรรษาเมื่อไร เพราะไม่มีปฏิทินไทยครับ แต่อ่านกิจกรรมจากธรรมะใกล้ตัวเมื่อวานนี้ หวังว่าถ้าไม่ได้เร่่ิมวันแรก คงไม่เป็นอะไรนะครับ เอาล่ะมารายงานผลดีกว่า วันนี้ตั้งใจแต่เช้าเลยครับต้องระวังคําพูด ก็ภือว่าดีพอควรเลยครับ มีหลุดเพ้อเจ้อบ้างแต่พอหลุดคําแรกเหมือนวันนี้สติเกิดไวผิดปกติ จะรู้ตัวทันทีเลยครับแล้วก็จะหยุดไม่พูดต่อ พอเย็นๆก็ดีขึ้นเรื่อยๆ มีบางทีแค่คิดว่าจะพูดก็รู้ทันเลย
วันนี้มารายงานแค่นี้ก่อนครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้มารายงานต่อ
ขอให้ความตั้งใจของคุณสำเร็จด้วยดีนะคับ
ผมขอร่วมค่อยระวังคำพูดด้วยเช่นกัน
17.00 17/7/52 ถึง 17.00 19/7/52
2 วันนี้ผมก็จาต้องทำให้ได้
โมทนาบุญครับ
ปป ;D
ดีจังเลยค่ะ
อนุโมทนากับ น้อง gyroscope27 และ คุณ pok_pak ด้วยนะคะ
แล้วก็อนุโมทนากับน้องเอมด้วยค่ะ
_/\_ _/\_ _/\_
มารายงานผลวันที่สองครับ ตอนแรกคิดว่าวันนี้จะง่ายกว่าวันแรก กลับเป็นว่าตื่นมามีเรื่องทดสอบเลยครับ ใจอยากว่าเพื่อนร่วมบ้านมากยังดีรู้ตีวไม่พลั้งปากหลุดออกไป แล้วก็กลับห้องดูจิตตัวเองไป ตอนเย็นก็ออกมาทํางานพิเศษทําไปก็มีเคืองลูกค้าบ้างแต่ก็ไม่หลุดเหมือนกัน พอทํางานเสร็จว่างแล้วสติสตังค่อยกลับมาเต็มที่หน่อย พอดีมีเื่อนกวนประสาทกําลังจะด่าออกไปแล้วสติทํางานปั่๊บหายไปเลยครับ
สรุปสงวัน ฉันทําได้ครับ
ประโยชน์
ผมว่าผมพบการเจริญสติแบบใหม่ให้ตัวเองครับ ฝึกแบบนี้ไม่เพ่งด้วยครับ ส่วนใหญ่จะลืมแล้วก็เกือบหลุดปากแต่ถ้ามีสติก็ดับครับดีเหมือนกันนะครับผมว่า
ขออนุโมทนากับพี่ pok pak ด้วยครับ เป็นยังงียมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
Quote from: gyroscope27 on July 17, 2009, 04:50:05 am
มารายงานผลวันแรกครับ แบงก์ไม่รู้ว่าวันเข้าพรรษาเมื่อไร เพราะไม่มีปฏิทินไทยครับ แต่อ่านกิจกรรมจากธรรมะใกล้ตัวเมื่อวานนี้ หวังว่าถ้าไม่ได้เร่่ิมวันแรก คงไม่เป็นอะไรนะครับ
ไม่จำเป็นต้องเริ่มวันเข้าพรรษาก็ได้ค่ะ
ทุกวันที่เราตั้งใจทำความดี วันนั้นถือเป็นฤกษ์ีดีได้หมดค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้น้องแบงค์ทำดีได้สำเร็จและต่อเนื่องนะคะ ::33::
อนุโมทนาคุณ gyroscope27 กับการปฏิบัติสำเร็จดั่งที่อธิษฐานไว้
และแบ่งปันประสบการณ์ดีๆให้พวกเราฟังกันนะครับ _/\_ ::33::
ขออนุโมทธนานะคะ
ขอร่วมตั้งใจด้วยคนค่ะ
จะคอยมีสติระวังคำพูด ไม่ให้เพ้อเจ้อ ให้ร้าย สนับสนุนสิ่งที่ไม่จริง ไม่พูดแบบใช้อารมณ์ รักษาศีลข้อ ๔ให้สมบูรณ์ค่ะ
สู้ๆ ค่ะ เรารู้ว่ามันยาก แต่เป็นกำลังใจให้ค่ะ..สาธุ
มารายงานความต่อเนื่องครับ เมื่อวานนี้มีหลุดบ่อยกว่าสองวันที่ตั้งใจทําครับส่วนมากเป็นกาวพูดแซวกัน แต่สิ่งที่พบว่าเกิดขึ้นเองอัตโนมัติคือพอมีคนพูดจากวนเราแล้วเกิดอยากว่าเขา สติมันเกิดเองครับแต่เหมือนมันเกิดเฉพาะเรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องพูดเพ้อเจ้อนี่ลืมทุกที เลยตั้งใจว่าจะพยายามฝึกสติกับคําพูดไปเรื่อยๆครับโดยจะเริ่มแบบทีละช่วง เอาช่วงละ 2-3 วันไปเรื่อยๆครับ
อนุโมทนาครับ เป็นกำลังใจให้สมความตั้งใจในสองวันต่อไปครับผม _/\_ ::01::
::01:: _/|\_