หลายวันมานี้ไม่สบายใจกับพฤติกรรมของเพื่อนร่วมงานที่ไม่รับผิดชอบในงาน...ปล่อยให้เราทำคนเดียว
แต่ตั้งใจแล้วว่า จะไม่ตำหนิเขาแล้วล่ะ ให้เขาเรียนรู้จากการกระทำของเรา และผู้อื่นไปเรื่อยๆ ทำได้อย่างไร หรือไม่จะมานำเสนอต่อค่ะ :'(
ขออนุโมทนาด้วยนะคะ _/|\_
อภัยทานก็เป็นทานที่มีประโยชน์กับผู้ให้จริงๆ ค่ะ
จะได้ไม่ต้องมีจิตใจที่ผูกอยู่กับโทสะนะคะ ;D
ขอให้ทำได้สำเร็จ อย่างที่ตั้งใจไว้นะคะ
::12::
ดีค่ะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า ไม่มีอะไรเป็นครูได้ดีกว่าการปฎิบัติให้เห็น
ขอเป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ
สู้ๆๆ
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
ทุกๆคนเป็นกำลังใจให้นะครับ ::33::
ขอให้ปฏิบัติได้ตามความตั้งใจนะครับ
เอาใจช่วยครับ ;)
_/|\_ขอบคุณสำหรับทุกๆกำลังใจ ค่ะ แล้วจะมารายงานผลค่ะ
อนุโมทนาด้วยค่ะ สาธุๆๆๆ ::12::
:'(ตนเองพลาดไปหน่อยตรงที่ตั้งใจจะไม่ตำหนิผู้อื่นในวันศุกร์...วันถัดมาเป็นเสาร์กับอาทิตย์ เลยไม่ได้บรรลุวัตถุประสงค์ ต้องขยายวันให้ท้าทายกับความตั้งใจ
วันนี้(วันแรกของการ restart) สามารถทำใจให้รื่นรมย์ได้ โดยไม่ขุ่นมัวกับน้องคนที่ขาดความรับผิดชอบ แต่พยายามจะเข้าใจความเป็นไปของตัวเขามากกว่า
รอรายงานผลวันที่สองนะค่ะ _/|\_
การที่จะให้อภัยเขาได้ต้องเปิดใจยอมรับว่า ไม่มีใคร perfect และไม่มีใครเป็นได้อย่างเราต้องการ
แล้วเราจะให้อภัยเขาได้อย่างเต็มใจนะค่ะ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจค่ะ ::33::
:) รายงานผลวันที่สอง...22 ก.ค.ผ่านไปได้ด้วยดี....พยายามใจเย็นกับทุกคำพูด ทุกๆการกระทำ
แต่มีบางครั้งที่ใจก็แอบไปตำหนิเขาอีกแล้ว...แต่ลดลงเมื่อเทียบกับการตั้งใจจะว่า "ไม่กล่าวตำหนิใคร"
ต่อมาวันที่สาม...23 ก.ค. ตั้งใจแน่วแน่จะพยายามไม่ตำหนิใครทั้งนอกใจและในใจ..พยายามเรียนรู้จากสิ่งที่เขาเป็น...จะเห็นผลต่างๆ ดีขึ้น คนที่เราจะโกรธเขา..เขาก็ปรับตัวดีขึ้น และทำกิจกรรมใดก็ได้รับความร่วมมือดีขึ้น...สรุปยังคงต้องฝึกต่อไปให้เป็นปกติวิสัยของเราให้ได้
อนุโมทนาครับ และขอบคุณสำหรับคำบอกเล่าแบ่งปันประสบการณ์ดีๆด้วยครับ _/\_
แม้เวลาจะผ่านไปเพียงสองวัน แต่คงได้รู้สึกถึงความหนักแน่นของความตั้งใจของตนเอง
"ความตั้งใจ" ที่เป็นคำพูด อาจดูเบาๆเลื่อนลอยสำหรับคนอื่น
แต่สำหรับผู้ที่ตั้งใจจริงแล้ว ก็สามารถหนักแน่นเหมือนแผ่นดิน
มีพลังต่อการกระทำของเราอย่างที่คน noktalay รู้สึกด้วยครับ
อนุโมทนาอีกครั้งกับ "ความตั้งใจ" ดีๆ และเป็นกำลังใจต่อไปเสมอครับ _/\_ ::01:: ::33::
::33::ขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจ...คงต้องฝึกกันต่อไปอีกยาวนานค่ะ
การจะทำสิ่งดีๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..มีสิ่งทดสอบใจเราทุกวันเลย...แต่จะตั้งใจทำอะไรดีๆต่อไป แม้ว่าจะพลั้งจะเผลอไปบ้างในบางขณะ
อุปสรรคหากมีบ้าง ก็เหมือนสิ่งที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเราตั้งใจและทำสำเร็จ
สมมติว่าเราหัดวิ่งข้ามรั้ว มีรั้วอยู่ทั้งหมด 10 รั้ว
แรกเริ่มเดิมทีไม่ได้ตั้งใจหัด ก็วิ่งชนรั้วทั้ง 10 ข้ามไม่ได้เลย
แต่หากเริ่มมีความตั้งใจ พยายามเท่าที่ทำได้
จากศูนย์ก็เป็นหนึ่ง เป็นสอง ไปเรื่อยๆจนกระทั่งข้ามได้หมด
ค่อยๆเปลี่ยนแปลง สู้กับตนเองและสิ่งที่เราตัั้งใจไว้
ที่สำคัญให้กำลังใจตัวเอง เราจะเก่งขึ้นดีขึ้นทุกวันครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ ::33:: _/\_ ::01::
เรื่องนี้เรากลับเห็นเป็นอีกอย่างหนึ่งนะ
ถ้าหากว่าน้อง หรือลูกน้องทำงานไม่ดี ในฐานะที่เราเป็นหัวหน้า เราก็ต้องรับผิดชอบ
ด้วยการตักเตือนและอบรม เพื่อเป็นการปรับปรุงงานใหั้ดีขึ้น
เพียงแต่ว่า ก็ต้องเลือกวิธีเตือน เช่น อย่าตำหนิต่อหน้าคนอื่น หรือใช้วิธีที่เหมาะกับบุคลิกภาพ
เคยฟังเทศน์หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านก็เคยพูดทำนองนี้เหมือนกันนะคะ
ไม่ใช่ว่าไม่พูดอะไรเลย งานก็เสียหมดนิ
อยากให้ลองพิจารณาจุดนี้ดู มีธรรมะ แต่ว่าก็ต้องอยู่กับโลกให้ไดั้นะคะ
ไม่งั้นคนมีธรรมะ จะถูกเอาเปรียบโดยคนไม่มีธรรมะ
และองค์กรก็จะแย่ลงเพราะคนเหล่านั้น
แต่ตำหนิลับหลังนี่ไม่ควรอยู่แล้วค่ะ เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะกำลังพยายามอยู่เหมือนกัน
อาจเห็นต่างไปบ้าง แต่คงไม่ว่ากัน
ไก่
ขออนุโมทนากับความตั้งใจของคุณ noktalay ด้วยค่ะ เห็นด้วยว่าไม่ควรตำหนิเพื่อนร่วมงานทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ถ้าเป็นการติเพื่อก่อ และเกิดจากความหวังดีของเราจริงๆ ก็น่าจะคุยกันต่อหน้าดีกว่า อาจจะเรียกคุยเป็นการส่วนตัวก็ได้ เพราะส่วนใหญ่คนเราจะมี ego หรืออัตตาในตัวเองสูง ไม่อยากให้ใครมาตำหนิต่อหน้าธารกำนัล ถ้าเราทำด้วยความหวังดี และอยากให้น้องหรือเพื่อนร่วมงานเขารู้ จะได้แก้ไขปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ถ้าเราบอกแล้ว เขาจะทำตามหรือไม่ ก็อย่าไปคาดหวังนะคะ เพราะไม่มีใครทำอะไรได้ถูกใจเราไปซะทั้งหมดหรอก แม้แต่ตัวเราเองยังทำอะไรไม่ถูกใจตัวเองก็ยังมีเลย ที่สำคัญอย่าเอาเรื่องที่ทำงานมาเป็นอารมณ์มากเกินไปนะคะ ดูแลรักษาสุขภาพทั้งกายและใจของเราให้ดีที่สุดเป็นพอค่ะ ::02::